ปีที่แล้วมีคดีดังคดีหนึ่งซึ่งผู้ต้องหาในคดีอ้างว่าตอนกระทำชำเราหญิงท่านหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้วนั้นไม่ทราบว่าหญิงที่ตนเองกระทำชำเราไปนั้นเสียชีวิตไปแล้ว อาจมีการต่อสู้คดีเพื่อชี้ให้เห็นว่าขาดองค์ประกอบภายนอก คือ ประมาณว่าผู้ที่ถูกกระทำชำเรานั้นไม่มีสภาพบุคคลแล้ว จึงขาดองค์ประกอบภายนอกอันจะเป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นได้ ล่าสุดมีผู้ต้องหาต่อสู้คดีในลักษณะเดียวกันอีก
ในอดีตเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาตัดสินไว้ พอที่จะเทียบเคียงได้ คือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๑๔๔/๒๕๔๕ เป็นกรณีที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราหญิงที่ตายไปเเล้ว โดยคิดว่าหญิงนั้นสลบ ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ เพราะหญิงนั้นตายไปเเล้ว จึงไม่มีสภาพบุคคล ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕ วรรค๑ ซึ่งบัญญัตว่า "สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็น ทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย"
ดังนั้นที่ไม่ต้องรับผิดเพราะ ตาม ประมวลกฎหมาย มาตรา ๒๗๖ บัญญัติว่า "ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น.." ดังนั้น การจะเป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามมาตรา ๒๗๖ ได้นั้น จะต้องปรากฎว่าหญิงนั้นยังมีสภาพบุคคล กล่าวคือ หญิงนั้นจะต้องมีชีวิตอยู่จึงจะครบองค์ประกอบภายนอก แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า หญิงนั้นตายไปเเล้ว กระทำของชายจึง "ขาดองค์ประกอบภายนอก" หญิงนั้นจึงไม่มีสภาพบุคคล อันจะถือว่าเป็น "ผู้อื่น" ตามมาตรา ๒๗๖ ได้อีก จึงไม่มีความผิด
กรณีการกระทำความผิดเกี่ยวกับ "ศพ" ได้มีการบัญญัติมาตรา ๓๖๖/๑ "ผู้ใดกระทำเพื่อสนองความใคร่ของตน โดยใช้อวัยวะเพศของตนล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของศพ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ" (แก้ไขล่าสุดปี๒๕๖๒)
ถ้าตามข้อเท็จจริงตามที่ผู้ต้องหาต่อสู้อ้างว่าตอนกระทำชำเรานั้น ผู้ต้องหาเข้าใจว่าหญิงยังมีชีวิตอยู่ไม่ทราบว่าเป็นศพ การกระทำของดังกล่าว ก็ไม่เป็นความผิดฐานกระทำชำเราศพ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๖/๑ นะครับ. เพราะบุคคลจะต้องรับผิดทางอาญาต้องกระทำโดยเจตนา ตามมาตรา ๕๙ ดังนั้น การจะเป็นความผิดฐานกระทำชำเราศพได้ ผู้กระทำต้องรู้ว่าหญิงที่ตนกระทำชำเราไปนั้นเป็น "ศพ" ด้วย เมื่อผู้กระทำหรือจำเลยไม่รู้ว่าหญิงนั้นเป็นศพ เพราะผู้กระทำเข้าใจว่าหญิงนั้นเพียงสลบไป จึงถือว่าการกระทำของผู้กระทำนั้นจึงขาดเจตนา คือไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด อันเป็นเรื่องของการ "ขาดองค์ประกอบภายใน" คือ ไม่รู้ว่าการกระทำของตนนั้น เป็นการกระทำชำเราศพ ถือว่าผู้กระทำไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิด จะถือว่าชายประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมาย มาตรา ๕๙ วรรคสาม
ดังนั้นขอสรุปง่ายๆคือ การข่มขืนกระทำชำเราหญิงที่ตายไปเเล้วโดยเข้าใจว่าหญิงนั้นสลบ ไม่เป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ เพราะการกระทำนั้น "ขาดองค์ประกอบภายนอก" และการที่มีอะไรกับศพโดยที่เข้าใจว่าเป็นคน การกระทำดังกล่าวก็ไม่เป็นความผิดฐานกระทำชำเราศพ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๖/๑ เพราะการกระทำนั้น "ขาดองค์ประกอบภายใน" จึงไม่มีความผิดเช่นกัน อย่างไรก็ดีความเห็นทางวิชาการอีกมุมหนึ่ง อาจมองว่า การกระทำดังกล่าวที่อ้างว่า กระทำชำเราศพไปโดยเข้าใจว่าตอนกระทำชำเรานั้นผู้ถูกกระทำยังมีชีวิต อาจมีความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราโดยเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๘๑ ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการโดยมุ่งต่อผลซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด แต่การกระทำนั้นไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำหรือเหตุแห่งวัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อ ให้ถือว่าผู้นั้นพยายามกระทำความผิด แต่ให้ลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น (อย่างไรก็ดีกรณี พยายามเป็นไม่ได้โดยแน่แท้ อาจมีข้อโต้แย้งทางวิชาการว่าจะต้องครบองค์ประกอบภายนอกของการความผิดมาก่อนจึงจะมาพิจารณา กรณีตาม มาตรา๘๑)
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่เกิดขี้นเป็นกรณีๆไปนะครับ ในทางคดีก็ต้องพิสูจน์กันไปว่าผู้ต้องหารู้หรือไม่รู้จริงไหม ที่สำคัญอาจไม่ผิดการกระทำดังที่กล่าวมาข้างต้นแต่อาจมีความผิดอื่นๆก็ได้นะครับ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงเป็นกรณีๆไป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนาวุฒิ วงศ์อนันต์
อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
June 24, 2020 at 03:30PM
https://ift.tt/3i04WSD
"มีอะไรกับศพโดยเข้าใจว่าเป็นคน(อีกแล้ว)" - MCOT Plc
https://ift.tt/2wwKMNp
Bagikan Berita Ini
0 Response to ""มีอะไรกับศพโดยเข้าใจว่าเป็นคน(อีกแล้ว)" - MCOT Plc"
Post a Comment